Rolls-Royce เปิดตัว New Ghost ที่รวมทุกความเจริญรุ่งเรืองด้านเทคโนโลยีสูงสุดเท่าที่เคยมีมา พัฒนาจากสถาปัตยกรรมอลูมินัมสเปซเฟรมที่แกร่ง ทีแรกของโลกกับระบบช่วงล่าง Planar เพิ่มความคล่องตัว รวมทั้งการขับขี่ที่นุ่มนวลดุจประพรมยอดเยี่ยม มาพร้อม กำลัง 571 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร แผงหน้าปัด Illuminated Fasciaพร้อมแผ่นป้ายชื่อ ‘Ghost’ ที่รายล้อมไปด้วยดาวกว่า 850 ดวง
เปิดตัวRolls-Royce Ghost 2020‘New Ghost’
การออกแบบ Rolls-Royce Ghost โครงตัวถังที่โค้งดังคันธนูลงมาถึงกับไฟแบบเหลี่ยมซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะของโรลส์-รอยซ์ ทำให้หน้ารถดูแข็งกร้าวแต่งดงาม นอกเหนือจากนี้ หน้ารถของ ‘นิว โกสต์’ ยังดูสวยงามราวจำต้องมนต์ เป็นด้วยเหตุว่าแสงสว่าง LED 20 ดวงที่อยู่หลบซ่อนอยู่ตรงส่วนบนของกระจังหน้าช่วยส่งแสงลงรายละเอียดปรากฏชัดเจน
ด้วยจิตวิญญาณที่สุนทรียศาสตร์แบบ ‘โพสต์ ออปพิวเลนซ์’ กลุ่มวิศวกรของแบรนด์ได้ตบแต่งข้างหลังของแถบกระจังโลหะ เพื่อลดการสะท้อนแสง ทำให้เอฟเฟกต์อ่อนลง และก็ได้แสงสว่างที่นุ่มนวลจากที่ปรารถนา และนี่เป็นครั้งแรกที่สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี มิได้ถูกล้อมรอบด้วยเส้นขอบฐาน ทำให้รูปปั้นปรากฏกายอย่างโดดเด่นบนฝากระโปรง ดุจยืนอยู่กึ่งกลาง “ทะเลสาบ”
เมื่อมองจากข้างๆของตัวรถ จะเห็นลายเส้นผู้เดียวหนึ่งเส้นที่ลากยาวไปตามตัวรถเพื่อย้ำให้มองเห็นความยาว เส้นโค้ง “waft line” ด้านล่างถูกยืมมาจากการออกแบบเรือ และใช้การสะท้อนแสงเพื่อทำให้พื้นผิวมองสว่างขึ้น
สร้างความรู้สึกที่บริสุทธิ์และก็ง่ายสุดๆของการเคลื่อนไหว สำหรับเพื่อการวางแบบกลาสเฮาส์ (glasshouse) ซึ่งรวมทั้งกระจกหน้า กระจกหลัง หน้าต่างรถยนต์ เสา รวมทั้งหลังคานั้น เจตนาให้มีความสมดุล ประตูทั้งส่วนของคนขับแล้วก็ผู้โดยสารข้างหลังจะได้รับรูปร่างของหน้าต่างที่เท่ากัน
ทำให้เห็นว่า ‘นิว โกสต์’ นั้นอยากที่จะให้กำเนิดความสมดุลทั้งยังในฐานะยนตรกรรมสำหรับให้พนักงานขับแล้วก็ยนตรกรรมที่ผู้ครอบครองขับเอง แนวหลังคาโค้งละเอียดลออบ่งถึงความมุ่งมั่นตั้งใจอันทรงอำนาจ ส่วนท้ายรถสานต่อความรู้สึกของการเคลื่อนไหวนี้ รวมทั้งจบด้วยแนวเส้นที่ลาดลงในที่สุด รูปทรงของไฟท้ายที่แทบเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสได้แปลงเป็นหลักของการออกแบบร่วมยุคของโรลส์-รอยซ์ ซึ่งรูปทรงนี้ยังคงอยู่ แม้กระนั้นได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้นำสมัยด้วยการเอียงมาข้างหน้าบางส่วนรวมทั้งเนื่องด้วยรอยต่อรอบไฟได้หายไป จึงทำให้ไฟท้ายดูราวกับว่าเป็นเกาะที่ได้รับการแต่งแต้มสีลอยเด่นอยู่บนผิวรถ
ด้านใน
การตกแต่งด้านในยนตเกลื่อนกลาดรรมหันมาใช้ต้นแบบที่เรียบง่ายเช่นเดียวกับข้างนอกตัวรถ เนื้อหาที่วุ่นรวมทั้งการตกแต่งแบบผิวเผินถูกเอาทิ้ง ย้ำความเรียบง่าย และความสง่า ถือเป็นความพยายามที่ยากยิ่ง และก็จะต้องหาอุปกรณ์ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นหนัง ไม้ และโลหะ ซึ่งไม่มีทางรอดพ้นสายตาของลูกค้าที่มีความรู้และมีความเข้าใจกลุ่มนี้ไปได้ถ้าไม่ได้รับการตกแต่งให้สวยงาม
ฉะนั้นหนังสัตว์ครึ่งแผ่นทั้งหมด 20 ชิ้น ที่ประยุกต์ใช้สำหรับในการตกแต่งภายในของ ‘นิว โกสต์’จะถูกควบคุมคุณภาพอย่างประณีตที่สุดเท่าที่ทำกันในอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อมั่นใจว่าผิวหุ้มหนังทั้งหมดทั้งปวง 338 จุด ไม่ว่าจะอยู่ในที่ลับสายตาแค่ไหนจะมีคุณภาพดีที่สุด การทำเช่นนี้ยังบอกให้เห็นถึงความรู้ความเข้าใจของแบรนด์เรื่องงานเครื่องหนัง
ส่วนงานปักที่สลับซับซ้อนรวมทั้งวุ่นวายได้ถูกเอาทิ้ง แล้วแทนที่ด้วยฝีเย็บเส้นผู้เดียวบางๆแม้กระนั้นยาวอย่างไม่น่าเชื่อแล้วก็ตรงอย่างสมบูรณ์แบบ
ชุดไม้สำหรับ ‘นิว โกสต์’ เป็นแบบเปิดผิวไม้ที่เผยให้มองเห็นอุปกรณ์อันเปลือยเปล่าอย่างไม่เหนียมอายตามที่เป็นจริงแล้วมีการพัฒนาสีเคลือบ 2 สีใหม่โดยเฉพาะ สีแรกชื่อว่า Obsidian Ayousซึ่งได้รับแรงผลักดันจากความหลากหลายของสีที่เจอในหินลาวา สีที่สองชื่อ Dark Amberซึ่งมอบเสน่ห์เย้ายวนให้กับชุดห้องโดยสารด้วยการประสานแนวเส้นของอนุภาคอลูมินัมละเอียดเข้ากับไม้สีเข้ม การเคลือบหนังก็เหมือนกันผิวสิ่งของจะถูกเปิดเผยให้เห็นได้ชัดเจน แผ่นหนังจะเป็นแผ่นยาวแผ่นเดียว แล้วก็จะถูกแบ่งได้ 2ส่วน ด้วยช่องสำหรับระบายอากาศที่ทำจากโลหะแท้เพียงเท่านั้น และช่องระบายเหล่านี้เองเป็นจุดที่อากาศจากระบบฟอกอากาศ MEPS จะผ่านเข้ามา
บีสโป๊กแผงหน้าปัดเรืองแสง ‘Illuminated Fascia’กลุ่มดีไซน์ Bespoke Collective ที่มีนักออกแบบ วิศวกรและช่างศิลปได้สร้างแผงหน้าปัดเรืองแสง ‘Illuminated Fascia’ สำหรับ ‘นิว โกสต์’ซึ่งเป็นของใหม่ชิ้นแรกของโลกที่ใกล้เคียงไปกับเพดานห้องโดยสาร ‘สตาร์ไลท์ เฮดไลเนอร์’ที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องหมายเฉพาะบุคคลของโรลส์-รอยซ์ เช่นเดียวกับเครื่องหมายสปิริต ออฟเอ็กสตาซี แผงกระจังหน้าทรงแพนธีออน และโมโนแกรมตัว “R” คู่หลังจากที่ได้มีการใช้เวลาปรับปรุงกว่า 10,000 ชั่วโมง ตลอด 2 ปี แผงหน้าปัด ‘Illuminated Fascia’ ที่มาพร้อมชื่อยนตรกรรมโกสต์แบบเรืองแสง รายล้อมด้วยดาวมากยิ่งกว่า 850 ดวงก็ถูกเอามาเสริมแต่งไว้ภายในห้องโดยสารของ ‘นิว โกสต์’
กลุ่มดาวรวมทั้งใจความบริเวณแผงหน้าปัดจะถูกซ่อนจนถึงแทบจะไม่เห็นเมื่อเครื่องยนต์กลไกดับอยู่
เพื่อสอดคล้องกับกรรมวิธีวางแบบ ‘โพสต์ CAR AUTO ออฟพิวเลนซ์’ ของ ‘นิว โกสต์’ ทีมออกแบบBespoke Collective เลือกที่จะไม่ใช้หน้าจอแบบปกติเพื่อสร้างเอฟเฟกต์ที่น่าคลั่งไคล้นี้ในทางตรงกันข้ามพวกเขาสร้างนวัตกรรมขึ้นใหม่อันเป็นแก่นแท้ของความเลิศหรูแล้วก็ซับซ้อนอย่างแท้จริง การเรืองแสงมีเหตุที่เกิดจากการจุดไฟ แอลอีดี 152ดวงไว้ทั้งข้างบนรวมทั้งด้านล่างของแผงหน้าปัดสีที่นำมาใช้ได้รับการเลือกอย่างประณีตให้เข้ากับนาฬิกาของห้องโดยสารและก็ไฟที่หน้าปัดบอกข้อมูลการขับขี่ แล้วก็เพื่อมั่นใจว่าข้อความ ’Ghost’ จะสว่างสม่ำเสมอเท่ากันหมด มีการสลักจุดกว่า
90,000 จุดลงบนพื้นผิวของเส้นนำแสงความหนา 2 มิลลิเมตรเพื่อช่วยให้แสงกระจายตัวได้ทั้งหมดกับสร้างเอฟเฟกต์ที่ระยิบระยับเมื่อทิ้งสายตาผ่านแผงหน้าปัดกับประกายที่นุ่มนวลของเพดานสตาร์ไลท์ เฮดไลเนอร์
งานวิศวกรรมขนานใหญ่ถูกประยุกต์ใช้เพื่อให้แน่ใจว่าแผงหน้าปัด ‘Illuminated Fascia’จะเป็นไปไม่ได้เห็นได้เลยตอนที่ยังไม่ได้เดินเครื่องยนต์ รีวิวรถมอไซต์ เพื่อประสบความสำเร็จนี้ทีมวิศวกรได้ใช้สิ่งของคอมโพสิต 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นพื้นผิวสีดำ Piano Blackซึ่งปรุด้วยเลเซอร์เพื่อลบสีดำออกเล็กน้อยและก็ปลดปล่อยให้แสงส่องผ่านคำว่า ‘Ghost’ แล้วก็กรุ๊ปดาว
พื้นผิวนี้ถูกทับด้วยชั้นที่ 2 ซึ่งเป็นแลคเกอร์สีเข้มเข้ามาช่วยหลบซ่อนอักษรเอาไว้เมื่อยังไม่ติดเครื่องยนต์
ชั้นท้ายที่สุดถูกทาทับด้วยแลคเกอร์ในเฉดสีที่กลมกลืน แล้วก็ขัดด้วยมือเพื่อได้ผิวฉาบดก 0.5มม.ที่มีความมันเงาเสมอกันและก็สอดคล้องกับการตกแต่งในส่วนอื่นของตัวรถที่เน้นบางจุดให้เด่นขึ้นด้วยแนวทางไฮกลอส
ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร
New Ghost จัดตั้งระบบถูอากาศด้านในห้องโดยสาร (Micro-Environment Purification System หรือ MEPS) เทคโนโลยีการกรองอากาศที่มีอยู่ของแบรนด์ได้ถูกปรับปรุงเพิ่มอีกด้วยฮาร์ดแวร์ และก็ซอฟต์แวร์ที่ดียิ่งขึ้นแบบครบวงจร เซนเซอร์ตรวจจับสิ่งแปดเปื้อนที่มีความไวสูงถูกนำมาใช้วัดประสิทธิภาพอากาศโดยรอบและจะเปลี่ยนแปลงโหมดการทำงานโดยอัตโนมัติจากโหมดรับอากาศด้านนอกเป็นโหมดเวียนอากาศด้านใน (Recirculation Mode) ถ้าเกิดพบว่าระดับของการปนเปื้อนกลางอากาศสูงเกินความจำเป็น ระบบนี้จะผันอากาศทั้งผองในห้องโดยสารไปที่ตัวกรองท้องนาโนฟลีซ ที่สามารถกำจัดสิ่งแปดเปื้อนอนุภาคขนาดเล็กพิเศษออกจากห้องโดยสารของ Rolls-Royce ได้แทบจะทั้งหมด ภายในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 2 นาที
New Ghost มีความสมบูรณ์แบบในความธรรมดา แต่ว่าการผลิตสภาพแวดล้อมในห้องโดยสารที่บริสุทธิ์และก็ปลอดสารพิษนี้เป็นหนึ่งในความท้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ที่แท้ New Ghost เป็นรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงที่สุดที่ Rolls-Royce เคยผลิตมา เป็นต้นว่า ไฟหน้า LED และเลเซอร์ที่มีระยะส่องสว่างไกลกว่า 600 เมตร ระบบเสริมทัศนวิสัย รวมทั้งระบบแจ้งเตือนให้ระวังสัตว์ป่า และก็คนเดินเท้าในกลางวัน และก็ค่ำคืน, ระบบกระตุ้นคนขับ (Alertness Assistant), ระบบกล้องถ่ายภาพ 4 ตัวพร้อมมุมมองแบบพาโนรามา มุมมองแบบรอบตัวรถยนต์และมุมมองแบบเฮลิคอปเตอร์, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบเตือนก่อนที่จะมีการชน, ระบบเตือนการจราจรข้างหลังขณะถอยรถ, ระบบเตือนเมื่อออก Yamaha และก็เปลี่ยนแปลงเลน, จำสำหรับแสดงผลบนหน้ากระจก (Head-up Display) ความละเอียดสูง 7×3 นิ้วที่เหมาะสมที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์, ไว-ไฟ ฮอตสปอต, ระบบจอดด้วยตัวเอง แล้วก็ระบบนำทางแล้วก็ความบันเทิงล่าสุด
ประตูเปิดง่ายขึ้น Rolls-Royce
ลูกค้าของ Rolls-Royce ถูกใจประตูที่ปิดเองได้ตั้งแต่ CAR AUTO Goodwood Phantom รุ่นแรกที่ควบคุมโดยปุ่มบนแผงหน้าปัด รวมทั้งบนเสาซี (C-Pillar) สำหรับรถยนต์ที่มีประตูท้าย สิ่งใหม่นี้ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากในกลุ่มลูกค้า สำหรับ New Ghost วิศวกรของแบรนด์เลือกที่จะปรับปรุงเทคโนโลยีที่เป็นจุดแข็งนี้ให้ก้าวหน้าขึ้นอีก แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้งานสามารถเปิดประตูได้โดยมีระบบกระแสไฟฟ้าคอยช่วยเหลือ
อันดับแรกสำหรับการเปิดประตูเป็นผู้โดยสารจะดึงด้ามจับด้านใน 1 ครั้ง แล้วหลังจากนั้นปล่อยให้ที่จับกลับสู่ตำแหน่งเดิม ระหว่างนั้นระบบจะสำรวจอันตรายที่อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อม แล้วให้ผู้โดยสารดึงด้ามประตูค้างไว้เพื่อระบบกระแสไฟฟ้าเข้ามาเลี้ยงรวมทั้งประตูเริ่มเปิดออก เมื่อประตูเปิดกว้างพอแล้ว ให้หยุดดึงด้ามจับซึ่งเป็นการหยุดประตูไม่ให้เปิดกว้างมากยิ่งกว่านั้น
เมื่อลงจากรถยนต์พวกเขาสามารถปิดประตูได้โดยอัตโนมัติโดยกดปุ่มที่มือจับประตูด้านนอก ถ้าต้องการปิดประตูด้วยตนเองก็สามารถทำได้ด้วยการเกื้อกูลจากไฟฟ้าอีกเหมือนเคย เซ็นเซอร์ตามแนวยาวแล้วก็ตามขวางในตัวรถยนต์ ตลอดจนเซ็นเซอร์ G-force ที่ติดอยู่ที่ประตูแต่ละบานจะช่วยทำให้การเปิด-ปิดประตูดำเนินการได้เร็วเท่ากัน ไม่ว่ารถจะหยุดอยู่บนเนินหรือมุมถนนในตรอกแคบก็ตาม
เครื่องยนต์ Rolls-Royce Ghost
จากการเรียนรู้สิ่งที่ต้องการของลูกค้า พบว่าลูกค้าปรารถนาแรงบิดที่ตอบสนองได้แทบจะในทันทีและก็การวิ่งที่เงียบสนิททำให้แบรนด์ปรับปรุงเครื่องยนต์กลไกเบนซิน V12 ทวินเทอร์โบ สูบ 6.75 ลิตร พละกำลัง 571 แรงม้า และก็แรงบิด 850 นิวตันเมตร ส่งตรงสู่ระบบเคลื่อนทุกล้อ และก็ระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ สอดคล้องกับความมุ่งมาดของลูกค้า แรงบิดสูงสุดมีให้ตั้งแต่ 1600 รอบ/นาทีจนกระทั่งเพียงแค่ 600 รอบ/นาที รีวิวรถยนต์ แล้วก็เพื่อปรับปรุงแก้ไขคุณสมบัติด้านเสียงที่โดดเด่นให้ดีขึ้น ได้มีการการแก้ไขระบบท่อนำอากาศเพื่อลดเสียงเครื่องจักรภายในตัวรถยนต์
ประสบการณ์ขับขี่แบบประพรมยอดเยี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้พัฒนาไปอีกขั้น สำหรับ New Ghost ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมได้วางแบบระบบตอนล่างใหม่ทั้งปวง เพื่อมอบสิ่งที่เรียกว่าระบบช่วงล่าง Planar ระบบนี้ได้รับการตั้งชื่อตามแนวระนาบทางเรขาคณิตซึ่งเรียบ แล้วก็ราบเท่ากันตลอดแนวอย่างสมบูรณ์ ระบบนี้มีเหตุที่เกิดจากการทดสอบแล้วก็พัฒนาร่วม 10 ปี เพื่อกำเนิดความรู้สึกเปรียบเสมือนบินแม้ว่าจะอยู่บนพื้นดิน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในยานยนต์อะไรก็ตาม
ระบบช่วงล่างนี้อาศัยการพัฒนาทางวิศวกรรม ตลอดจนเทคโนโลยีการสแกนและก็ซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อน โดยรวมเอาตัวดูดซับแรงชนปีกนกชิ้นบน (Upper Wishbone Damper) ตัวแรกของโลกไว้เหนือระบบกันกระเทือนล้อหน้า ทำให้การขับขี่มีความยั่งยืนและมั่นคง รวมทั้งง่ายมากยิ่งขึ้น โดยการทำงานร่วมกับระบบกล้องสเตอริโอ Flagbearer สำหรับเพื่อการอ่านสภาพทางข้างหน้า เพื่อจัดแจงระบบตอนล่างให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวถนน ระบบสัญญาณดาวเทียมของแบรนด์ (Satellite Aided Transmission) เทคโนโลยีพวกนี้ประสานงานเป็นหนึ่งเดียวกันผ่านระบบซอฟต์แวร์ Planar ที่วางแบบมาเฉพาะทำให้ New Ghost สามารถคาดคะเนและก็สนองตอบเจริญ แม้ว่าจะพบเจอกับพื้นผิวถนนที่เหี้ยมโหดมากที่สุดก็ตาม
ในส่วนของ Upper Wishbone Damper เพียงแต่จุดเดียวจำต้องใช้เวลาสำหรับการทดลองบนถนนหนทางจริง และก็โปรแกรมคอมพิวเตอร์ถึง 5 ปี เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะสำหรับ Rolls-Royce ถือว่าเป็นการต่อยอดระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลดุจประพรมวิเศษแบบปีกนกสองชั้น (Double-wishbone Magic Carpet Ride) ของแบรนด์ จิตวิญญาณของเซอร์ Henry Royce ผู้จัดตั้งแบรนด์คือการ “ดึงเอาด้านที่ยอดเยี่ยมของสิ่งที่มีอยู่ออกมา แล้วทำให้ดียิ่งขึ้น” (Take the Best that Exists and Make it Better) แล้วก็ด้วยหลักการนี้ ผู้ที่มีความชำนาญด้านแชสซีก็ได้ปรับปรุง